รหัส 0x80073cf0 และ 0x803F8001 คือข้อผิดพลาดภายใน Windows Store โดยอาจเกิดจากการเก็บแคช แอปที่ดาวน์โหลดมาไม่สมบูรณ์ การอัปเดต Windows ล้มเหลว หรือปัญหาในลักษณะคล้าย ๆ กัน
 
เนื่องจากรหัสข้อผิดพลาดเหล่านี้เป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับร้านค้า ปัญหาเหล่านี้จึงส่งผลกระทบต่อหลาย ๆ แอป ไม่ใช่แอปใดแอปหนึ่ง ข้อบกพร่องนี้พบได้เฉพาะใน Windows เวอร์ชัน 8, 8.1 และ 10 
 
อาการอาจเริ่มต้นจากระบบปฏิบัติการทำงานช้าลงและจะส่งผลต่อการเข้าถึง Windows Store ถึงแม้จะเข้าถึง Windows Store ได้ คุณจะไม่สามารถดาวน์โหลดแอปใด ๆ ได้ แม้ว่าคุณจะรีสตาร์ตอุปกรณ์ของคุณใหม่ก็ตาม
 
รหัสข้อผิดพลาดของ Windows Store 0x80073cf0 และ 0x803F8001 สามารถแก้ไขด้วยตนเองได้ โดยมีวิธีการหลายวิธี:
 
รีสตาร์ตการอัปเดต Windows
  1. คลิก ปุ่ม Win
  2. พิมพ์ cmd
  3. คลิกขวาที่ผลการค้นหา
  4. เลือก เรียกใช้ในฐานะผู้ดูแลระบบ
  5. พิมพ์ net stop wuauserv เมื่อหน้าต่างพร้อมท์คำสั่งเปิดขึ้นมาด้านบน
  6. กด Enter
  7. รอคำสั่งเริ่มทำงาน
    หมายเหตุ: อย่าปิดหน้าต่าง
  8. พิมพ์คำสั่ง rename c:\windows\SoftwareDistribution softwaredistribution.old
  9. กด Enter
  10. พิมพ์ net start wuauserv
  11. กด Enter

    หลังจากขั้นตอนเหล่านี้ ปิดหน้าต่างพร้อมท์คำสั่งและเริ่มระบบคอมพิวเตอร์ของคุณใหม่
 
การใช้ Services Tool
  1. คลิก ปุ่ม Win
  2. พิมพ์ services.msc
  3. กด Enter
  4. คลิกขวาที่ การอัปเดต Windows
  5. เลือก หยุด
  6. เปิดโฟลเดอร์ Windows บนพาร์ติชันของดิสก์ที่มีการติดตั้ง ระบบปฏิบัติการของ Windows ไว้
  7. เปิดโฟลเดอร์ SoftwareDistribution และลบไฟล์ทั้งหมดที่อยู่ในโฟลเดอร์
  8. เปิด services.msc อีกครั้งโดยการทำตามขั้นตอน 1 ถึง 3
  9. คลิกขวาที่ การอัปเดต Windows
  10. คลิก เริ่มต้น

    หลังจากขั้นตอนเหล่านี้ ให้เริ่มระบบคอมพิวเตอร์ใหม่และลองเข้าระบบ Windows Store
 
การลบแคช
  1. คลิก ปุ่ม Win
  2. พิมพ์ WSReset.exe 
  3. กด Enter

    หมายเหตุ: เมื่อคุณเห็นหน้าต่างพร้อมท์คำสั่งและ Windows Store นั่นหมายความว่าแคชของ Windows Store ได้ถูกลบไปเรียบร้อยแล้ว จากนั้นเปิดคอมพิวเตอร์ของคุณใหม่
 
เรียกใช้การซ่อมแซมรีจิสทรี
  1. เปิด เริ่มต้น
  2. พิมพ์ Advanced Startup Options
  3. คลิกที่ผลลัพธ์
  4. เลือก รีสตาร์ตตอนนี้ เพื่อเริ่มระบบคอมพิวเตอร์ของคุณในโหมดการเริ่มต้นขั้นสูง
  5. เลือก ตัวเลือกขั้นสูง
  6. กด แก้ไขปัญหา
  7. เลือก การซ่อมแซมอัตโนมัติ และรอให้ระบบรีสตาร์ต